วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560
On เมษายน 13, 2560 by Unknown No comments
๑.
การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ
พระพุทธศาสนามีแหล่งกำเนิดในชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียปัจจุบัน
พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองในประเทศอินเดีย และแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ
ในทวีปเอเชีย และไปเจริญรุ่งเรืองมั่นคงในประเทศศรีลังกาและกลุ่มประเทศเอเชียใต้
โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้และเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๑.๑
การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียเป็นถิ่นกำเนิดของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในทวีปเอเชียแผ่ขยายเจริญรุ่งเรืองและมีรากฐานอันมั่นคงในทวีปเอเชียในเบื้องต้น
จึงนับได้ว่าทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคแรกที่ได้รับอิทธิพลทางพระพุทธศาสนาโดยตรง
จุดเริ่มต้นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเชียที่มีหลักฐานชัดเจนเกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่
๓ ภายหลังจากการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ
๑)
พระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง
และยังประโยชน์สุขแต่ชาวอินเดียเรื่อยมาจนกระทั่งประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗
ร่องรอยการเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนาในอินเดียก็ได้ปรากฏขึ้น
อย่างไรก็ตามในยุคการกอบกู้อิสรภาพของอินเดีย
พระพุทธศาสนาได้กลับมาเจริญขึ้นในอินเดียอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งมีบุคคลหลายท่านที่เห็นความสำคัญและคุณค่าของพระพุทธศาสนาที่มีต่อมวลมนุษยชาติ
ดังต่อไปนี้
เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ชาวอังกฤษในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย
ท่านได้นำให้มีการสำรวจแหล่งโบราณสถานโบราณวัตถุและศิลปกรรมต่างๆ
ทางพระพุทธศาสนานับได้ว่าท่านเป็นผู้บุกเบิกการขุดค้นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาในอินเดีย
ทำให้ชาวอินเดียต่างพากันหันมาสนใจมรดกอันเป็นผลผลิตทางความคิด
และความเพียรพยายามของชาวอินเดีย
ทำให้เกิดการรื้อฟื้นการเรียนรู้พระพุทธศาสนาขึ้นในหมูปัญญาชนชาวอินเดีย
เวอร์เอ็ดวินอาร์โนลด์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในด้านวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา
ท่านได้เขียนงานพุทธประวัติขึ้น มีชื่อว่า “ประทีปแห่งเอเชีย”
(The Light ofAsia) ทำให้เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๔ อนาคาริก ธรรมปาละ ชาวลังกาผู้มีความศรัทธา
และมีความปรารถนามุ่งมั่นในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้ก่อตั้ง “แห่งโพธิสมาคมขึ้น
ภายใต้ความร่วมมือของเหล่าปัญญาชนชาวอินเดียและกัลยาณมิตรชาวต่างชาติผู้มีความและห่วงใยในพระพุทธศาสนา
มหาโพธิสมาคมได้กลายเป็นศูนย์กลางการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย
โดยการจัดให้มีพิธีกรรม บรรยายธรรม ปาฐกถาธรรม
รวมทั้งการออกนิตยสารภาคภาษาอังฤษชื่อว่า “มหาโพธิรีวิว”
เพื่อเผยแพร่กิจกรรมและแนวคิดทางพระพุทธศาสนา
ในยุคหลังของการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย
ได้มีชาวอินเดียที่มีบทบาทสำคัญท่านหนึ่งคือ ดร.เอ็มเบดการ์
เป็นแกนนำชาวอินเดียวรรณศูทรประกาศปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะนับถือพระพุทธศาสนา
รวมทั้งผู้นำชาวอินเดียท่านอื่นๆ
แม้มิใช่พุทธศาสนนิกชนแต่ก็ให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา
ปัจจุบันจึงทำให้ชาวอินเดียประกาศตนนับถือพระพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น
โดยรัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนงานพระพุทธศาสนาด้วยการส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและสนับสนุนพุทธศาสนิกชนต่างประเทศในการสร้างวัดขึ้นในอินเดีย
เพราะชาวอินเดียโดยทั่วไปต่างระลึกเสมอว่า พระพุทธเจ้าคือบุคคลผู้นำเกียรติภูมิอันสูงส่งมาสู่อินเดีย
๒) พระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา ประเทศศรีลังกานับได้ว่าเป็นดินแดนที่ประชาชนมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงเรื่อยมา
พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศรีลังกาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๖ – ๒๘๗ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระมหินทเถระไปเป็นพระธรรมทูตประจำศรีลังกาในสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพระมหากษัตริย์ศรีลังกา
และภายใต้การอุปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญอย่างแพร่หลายแม้การทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่
๔ ก็ได้กระทำกันที่เมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกา
ในประเทศอินเดีย
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ยกย่องพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติอินเดียในอดีต
ในประเทศศรีลังกา
พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะก็ทรงประกาศรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประ
จำชาติศรีลังกาเช่นเดียวกันและพระพุทธศาสนายังคงเป็นศาสนาประจำชาติของศรีลังกาสืบต่อเรื่อยมาแม้ในปัจจุบัน
สถานการณ์พระพุทธศาสนาในศรีลังกาเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยลงแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัยโดยขึ้นอยู่กับการอุปถัมภ์บำรุงของพระมหากษัตริย์และเหตุการณ์ทางการเมืองการปกครอง
จึงกล่าวได้ว่าความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเปลี่ยนแปลงไปตามอำนาจทางการปกครองอย่างไรก็ดี
พระสงฆ์ในศรีลังกามิได้มีบทบาทเพียงแค่ธำรงรักษาพระพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว
แต่พระสงฆ์ยังเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล
อีกทั้งมีสิทธิทางการเมืองเช่นเดียวกับคฤหัสถ์
สิทธิเลือกตั้งและมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งในปัจจุบันมีพระสงฆ์ศรีลังกาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
๓) พระพุทธศาสนาในประเทศจีน พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจากเอเชียกลางและแผ่ขยายเข้าสู่ประเทศจีนเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่
๔ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น และได้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในศตวรรษต่อๆ
มาโดยอาศัยเส้นทางการค้าขายที่จีนติดต่อกับอินเดียโดยตรง
โดยคณะพูตจากอินเดียได้เดินทางมาจีนและพระภิกษุจีนได้จารึกไปอินเดีย
จึงเริ่มรับเอาพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการในสมัยของพระเจ้าฮั่นเม่งเต้
พระองค์ได้ส่งคณะทูตไปสืบพระพุทธศาสนาทางตอนเหนือของอินเดีย
เมื่อเดินทางกลับประเทศจีน คณะทูตได้นิมนต์พระเถระมาด้วย ๒ รูป คือ พระกัสปมาตังคะ
และพระธรรมรักษ์
และจักพรรดิจีนได้ทรงสร้างวัดพระพุทธศาสนาขึ้นในจีนเป็นครั้งแรกนอกพระนคร ชื่อว่า “วัดแปะเบ้ยี่ แปลว่า วัดม้าขาว
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ม้าซึ่งบรรทุกพระธรรมคัมภีร์มาสู่ประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม
พระพุทธศาสนาในสมัยราชวงศ์ฮั่นยังไม่แพร่หลายมากนัก
เป็นแต่เพียงนับถือกันในหมู่ชนชั้นสูง จนเมื่อมีการแปลพระสูตรสำคัญทางฝ่ายมหายาน
เช่นคัมภีร์พระอภิธรรมและปรัชญาปารมิตาสูตร คำสอนในพระพุทธศาสนาจึงเริ่มแพร่ขยายกว้างขวางออกไป
พระพุทธศาสนาในประเทศจีนเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในบางยุคสมัยและเสื่อมลงต่ำสุดในบางช่วงเวลา
เหตุผลของความเจริญและความเสื่อมแตกต่างกันออกไปในแต่ละยุคสมัย
จนถึงยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๒ พระพุทธศาสนาได้รับผลกระทบอย่างมาก
วัดถูกยึดเป็นสถานที่ทางราชการ ห้ามประกอบศาสนากิจต่างๆ
การเผยแผ่หลักธรรมคำสอนถือเป็นเรืองต้องห้ามและผิดกฎหมาย
พระภิกษุถูกบังคับให้ลาสึกขา พระธรรมคัมภีร์ต่างๆ
ถูกเผาทำลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๑๒
ต่อมาภายหลังจากการอสัญกรรมของเหมา เจ๋อ ตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อ
พ.ศ. ๒๕๑๙
รัฐบาลชุดใหม่ของจีนได้ผ่อนปรนการนับถือศาสนาและลัทธิความเชื่อให้กับประชาชนมากขึ้นพุทธศาสนิกชนชาวจีนจึงได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาอีกครั้ง
ปัจจุบันชาวจีนส่วนใหญ่ได้นับถือพระพุทธศาสนิกชนชาวจีนจึงได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นอีกครั้ง
ปัจจุบันชาวจีนส่วนใหญ่ได้นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการนับถือสัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า
ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีน
และสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาขึ้นในกรุงปักกิ่ง
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนากับนานาประเทศ
๔) พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลี ก่อนการเข้ามาของพระพุทธศาสนา
ชาวเกาหลีนับถือศาสนาซามานอยู่ก่อน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๙๑๕ จีนก็ได้ส่งสมณทูตชื่อว่า
“ซุนเตา” เข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักโคคูเรียวบนคาบสมุทรเกาหลี
และใน พ.ศ. ๙๒๕ พระภิกษุชาวอินเดียชื่อ มาลานันทะ
ได้จารึกผ่านประเทศเกาหลีพร้อมกับเผยแผ่พระพุทธศาสนาประกอบดับอิทธิพลความเชื่อของจีนที่มีต่อเกาหนีจึงทำให้ชาวเกาหลีเริ่มหันมาสนใจและยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในเกาหลีระยะหนึ่ง จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๔
จึงได้เสื่อมโทรมลงภายหลังจากราชวงศ์ยี่เข้ามามีอำนาจและสนับสนุนให้ลัทธิขงจื้อเป็นศาสนาประจำชาติและได้รับกาฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในพุทธศตวรรษที่
๑๖ เป็นต้นมา มีการสร้างวัดและพระพุทธรูปอย่างแพร่หลาย
รวมทั้งได้แปลพระไตรปิฎกจากภาษาบาลีเป็นภาษาเกาหลีแล้วจารึกลงบนแผ่นไม้
แผ่นหินและพิมพ์เป็นหนังสือจำนวน ๕,๐๔๘ เล่ม รวมเรียกว่า
พระไตรปิฏกฉบับสุง
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๖๑ เกาหลีตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น
พุทธศาสนิกชนเกาหลีและญี่ปุ่นได้ร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในเกาหลีให้เจริญรุ่งเรือง
โดยจัดกิจกรรมทางพระพุทธสาสนาขึ้น เช่นการออกวารสารทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรม
เป็นต้น แต่เมื่อญี่ปุ่นถอนตัวออกไปประกอบกับปัญหาทางการเมือง
ส่งผลให้พระพุทธศาสนาเสื่อมลงอีกครั้งจนถึงยุคการเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง พ.ศ.
๒๔๙๑ เกาหลีถูกแบ่งออกเป็น ๒ ประเทศ คือ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
จากระบอบการปกครองที่ต่างกันทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้
ปัจจุบันมีพุทธศาสนานิกชนชาวเกาหลีได้ประมาณ ๓๐
ล้านส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนานิกายเชนผสมกับความเชื่อในพระอมิตาพุทธและศรีอาริยเมตไตรย์
มีการจัดตั้งพุทธสมาคมขึ้นหลายแห่ง
เพื่อให้เป็นหน่วยงานกลางในการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่จัดตั้งขึ้นอยู่ในความควบคุมดูแลของกระทรวงศึกษาธิกา
๕) พระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่
๑๑-๑๓ เมื่อจักรพรรดิเกาหลีมีพระประสงค์จะเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น
จึงส่งคณะทูภนำพระพุทธรูปและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาไปถวายแก่จักรพรรดิญี่ปุ่น
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงให้ความเลื่อมใสศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาตั้งเดิมของบรรพชนญี่ปุ่น
พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับโดยเริ่มเป็นที่นิยมนับถือกันในหมู่ชนชั้นสูงก่อนแล้วค่อยแพร่หลายออกไปในหมู่ประชาชน
เริ่มจากต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๒
เป็นต้นมาเมื่อเจ้าชายโซโตกุผู้สำเร็จราชการของจักรพรรดินีซูอิโกะได้ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
ทรงเอาใจใส่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทุกด้านและประกาศพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
ในยุคนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นยุค
สัทธรรมไพโรจน์ส่งผลให้พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญมั่นคงสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๔
ญี่ปุ่นได้ปรับบทบาทของพระพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ของประเทศ
ส่งผลให้เกิดนิกายทางพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นขึ้น ๓ นิกายหลัก
และเป็นที่เลื่อมใสนับถือกันมาจนถึงปัจจุบัน คือ นิกายโจโตหรือนิกายสุขาวดี
นิกายเซน และนิกายนิซิเรน
กว่างโดยสรุปพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมลงในบางยุคสมัยเมื่อได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองปกครอง
จนภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งมีการส่งเสริมการศึกษา
และการวิจัยทางพระพุทธศาสนา แปลและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกจากภาษาจีน ทิเบต
เกาหลีเป็นภาษาญี่ปุ่นมีการจัดตั้งองค์กรทางพระพุทธศาสนาเพ่อเผยแผ่และสืบต่อพระพุทธศาสนากับประเทศต่างๆ
รวมทั้งได้ก่อตั้งคณะพุทธศาสน์ขึ้นในมหาวิทยาลัยเพื่อจัดการเรียนการสอนทางด้านพระพุทธศาสนาเป็นการเฉพาะอีกด้วย
๑.๒
การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในทวีปยุโรป
ในช่วงพุทธศตวรรษต้นๆ
พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้าไปในยุโรเมื่อประชาชนของประเทศต่างๆ ในเอเชียที่นับถือพระพุทธศาสนา
เช่น อินเดีย ศรีลังกา พม่า ลาว เขมร และบางส่วนของประเทศจีน
ซึ่งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของชาติยุโรปได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเผยแผ่ด้วยสำหรับสาเหตุแห่งความประทับใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวยุโรปสามารถสรุปได้ดังนี้
(๑) การให้อิสระแก่ผู้ศึกษาและนับถือ ชาวยุโรปโดยทั่วไปมีความเชื่อในวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน
จึงเชื่อในหลักการที่ไม่บังคับให้ผู้ศึกษาและนับถือชาวยุโรปโดยทั่วไปมีความเชื่อในวิทยาศาสตร์เป็นฟื้นฐาน
จึงเชื่อในหลักการที่ไม่บังคับให้ผู้ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเชื่อในวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน
จึงเชื่อในหลักการที่ไม่บังคับให้ผู้ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเชื่อในทันทีทันใดจนกว่าจะได้ศึกษาใคร่ครวญ
ตรวจสอบพิจารณาและลงมือปฏิบัติแล้วได้ผลจริงตามที่ทรงสอนเสียก่อน
(๒) ความเป็นศาสนาแห่งเสรีภาพและเมตตาธรรม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาส่งเสริมให้ประชาคมโลกมีความรัก
ความเตตากรุณาต่อกัน ไม่ข่มแหงรังแกเบียดเบียนทำร้ายกัน ร่วมทั้งส่งเสริมเสรีภาพ
ภราดรภาพ และความเสมอภาค
ด้วยหลักการของพระพุทธศาสนาดังกล่าว
ทำให้ชาวยุโรธสนใจที่จะศึกษาพระพุทธศาสนาและประกาศตนเป็นพุทธมามกะเพิ่มขึ้น
การแผ่ขยายของพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศต่างๆในยุโรปมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับจนถึงปัจจุบันดังนี้
๑) ด้านวรรณกรรม งานเขียนวิชาการทางพระพุทธศาสนาถือเป็นส่วนสำคัญและเป็นแรงจูงใจประการหนึ่งที่ทำให้ชาวยุโรปสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเขียนชื่อ
“ศาสนจักรแห่งบูรพทิศ” โดยสเปนเซอร์ อาร์ดี
และงานเขียนของเซอร์ เอ็ดวิน อาร์โนลด์ ชาวอังกฤษ ชื่อ “ประทีบแห่งเอเชีย”
นอกจากวรรณกรรมดังกล่าวแล้วยังมีการจัดพิมพ์
พระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษโดยสมาคมบาลีปกรณ์และมีการออกวารสารทางพระพุทธศาสนาอื่นๆ
เช่นวารสาร “พระพุทธศาสนา” ของพุทธสมาคมระหว่างชาติสาขาลอนดอน
“พุทธศาสตร์ปริทรรศน์” ของสมาคมเกรดบริเตน
และวารสาร “ทางสายกลาง” ของพุทธสามาคมลอนดอน
เป็นต้น รวมทั้งหนังสือและวารวาหลายภาษาที่ออกโดยสมาคมชาวพุทธของประเทศต่างๆ
ในยุโรป
๒)ด้านการส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม ได้มีการก่อตั้งมูลนิธิและสมาคมทางพระพุทธศาสนาขึ้นในประเทศต่างๆ
เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่การเรียนรู้และการปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา
เช่นสมาคมบาลีปกรณืในประเทศอังกฤษได้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรก
พุทธสมาคมระหว่างชาติสาขาลอนดอน พุทธสมาคมเมืองไลป์ซิกและศาสนสภาแห่งกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยรมณี, พุทธสมาคมชื่อ
“เลซามีดูบุดิสเม” (Les Amis du bouddhisme) ที่กรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส โดยการนำของ นางาสวคอนสแตนต์ ลอนสเบอรี่
พุทธสมาคมในรัสเซียเชื่อว่า “บิบลิโอเธคา พุทธิคา” พุทธสมาคมในกรุงเฮก ประเทศเนธอร์แลนด์ เป็นต้น นอกจากนั้น
ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศได้มีการจัดตั้งวัดขึ้นในประเทศต่างๆ ของยุโรป
โดยมีพระสงฆ์ไทยและพระสงฆ์ชาวต่างประเทศปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
สอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวพุทธในต่างประเทศ
๓) ด้านการประกอบกิจกรรมและพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
มีการประกอบกิจกรรมและศาสนาพิธีทางพระพุทธศาสนา โดยมีวัด
มูลนิธีและพุทธสมาคมเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารและการปฏิบัติธรรม
ทั้งการปฏิบัติธรรมเพื่อความรู้ความเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
๑.๓การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในทวีปอเมริกาเหนือ
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒
ได้มีชาวเอเชียอพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
และได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้าไปเผยแผ่ด้วย โดยในระยะเริ่มต้นเป็นการเผยแผ่เฉพาะในกลุ่มของตนและขยายกว้างออกไปในกลุ่มประชาชนของประเทศนั้นๆ
ในที่สุด
พระพุทธศาสนาในทวีปอเมริกาเหนือได้เจริญรุ่งเรืองในประเทศต่างๆ
ที่สำคัญได้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนนาดา กล่าวคือ
ชาวญี่ปุ่นได้สร้าววัดพระพุทธศาสนานิกายสุขาวดีขึ้นที่นครซานฟรานซิสโกใน พ.ศ.
๒๔๔๘และได้มีการก่อตั้งสมาคมพระพุทธศาสนาแห่งอเมริกาขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๕๗
และสมาคมสหายพระพุทธศาสนาในพ.ศ.
๒๔๘๕ดดยสมาคมเหล่านี้จะทำหน้าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่
การปฏิบัติธรรมและการศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
จากความสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาของชาวอเมริกันและชาวแคนนาดา
ได้มีการศึกษาพระพุทธศาสนาในเชิงวิชากร
โดยการเปิดสอนหลักสูตรพุทธศาสตร์ขึ้นในมหาวิทยาลัยวิสคอนซินใน พ.ศ.๒๕๐๔
และมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยพุทธรรมขึ้นที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
โดยเปิดการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก
ปัจจุบันมีวัดไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาเป็นจำนวนมาก
โดยพระสงฆ์ไทยได้เนินทางไปปฏิบัติศาสนกิจเผยแผ่หลักธรรมคำสอน
และนำการปฏิบัติธรรมในนามพระธรรมทูตแห่งคณะสงฆ์ไทย
ซึ่งสร้างศรัทธาและความเลื่อมในให้แก่ชาวอเมริกัน นับได้ว่าการเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกามีความเจริญรุดหน้ามากยิ่งขึ้น
๑.๔
การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในทวีปออสเตรเลียและทวีปแอฟริกา
ประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ถือได้ว่าเป็นดินแดนสำคัญที่มีการเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยเริ่มตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นต้นมา ได้มีการก่อตั้งพุทธสมาคมขึ้นในประเทศออสเตรเลียเพื่อศึกษา
เผยแผ่และปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา
และได้รวมกันเป็นสหพันธ์พระพุทธศาสนาแห่งออสเตรีเลียโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงแคนเบอร์รา
รวมความว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศออสเตรเลียมีความเจริญรุดหน้าไปมากพอสมควร
สำหรับประเทศนิวซีแลนด์การเผยแผ่พระพุทธศาสนายังอยู่ในจำนวนจำกัดส่วนมากจะดำเนินการโดยพระภิกษุสงฆ์ชาวอังกฤษ
ทิเบตและญี่ปุ่น ซึ่งจำนวนผู้นับถือพระพุทธศาสนาในปัจจุบันยังมีไม่มากนัก
และจำกัดอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่เท่านั้น
สำหรับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปแอฟริกายังไม่มีความเจริญก้าวหน้ามากนัก
ส่วนใหญ่จะเป็นการนับถือและประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาของพุทธที่เป้ฯคนต่างถิ่นเข้าไปอาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้น
โดยอาศัยสถานทูตของประเทศตนเองเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
Popular Posts
-
การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆทั่วโลก การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเชีย คำถาม 1 พระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา 1. นิกายพร...
-
๑. การเผยแผ่และการนับถือพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ พระพุทธศาสนามีแหล่งกำเนิดในชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่...
Blogger templates
คลังบทความของบล็อก
- พฤศจิกายน 2017 (6)
- เมษายน 2017 (5)
- พฤศจิกายน 2017 (6)
- เมษายน 2017 (5)
ค้นหาบล็อกนี้
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น